การจัดซ่อมรถที่มีปัญหากับสี 2K คือ
1 สถาพรถที่เคยซ่อมมาแล้ว แบบ 1K หรือ กึ่งแห้งช้า
2 สภาพรถที่ สีมีปัญหา เช่น สีผอง สียุบ สีปูด สีซืด สีลอก สีแตกลายงา สีด้าน สี1k สีเสื่อมสภาพ หรือ จัดซ่อมไม่ได้มาตรฐาน ฯลฯ
ปัญหาการซ่อมได้ไม่ มาตรฐาน จะเกิดขึ้นได้ สำหรับ รถที่เคยซ่อม หรือ ซ่อมแล้วไม่ได้มาตรฐาน "สี"
การซ่อมให้ดีมีคุณภาพ ต้อง 2K (เต็มระบบ) แบรนด์ เฉพาะ ยี่ห้อเท่านั้น อาทิเช่น ที่นิยม *
* 1 DUPONT(CENTARI) ต้องเป็นระบบ 500-600 หรือ 5000- 6000 หรือ CROMAX (สูตรน้ำ) / เบลเยี่ยม/อเมริกา
* 2 GLASURIT(นกแก้ว) ต้องเป็นระบบ 21-54 line หรือ 22-55 line / เยอรมัน
* 3 SIKKEN /ฮอลแลนด์
4 ROCK ACE / ญี่ปุ่น
5 KANSAI / ญี่ปุ่น
* 6 STANDOX / เยอรมัน
* 7 R.M. / ฝรั่งเศล
8 NIPPON PAINT / ญี่ปุ่น
9 ISAMU / ญี่ปุ่น
10 SPIHECKER / เยอรมัน
* 11 PPG / เยอรมัน
ทั้งหมดนี้ เป็น สีที่มีมาตรฐาน และ ใช้กันใน ศูนย์ซ่อม ทั่วไป แต่ที่นิยม ใช้กันมาก คือ ที่มี * เท่านั้น แต่ที่สำคัญ คือถ้าเป็นประกัยภัยชั้นนำ เช่น วิริยะ จะใช้แค่ 7 ยี่ห้อเท่านั้น" การจัดซ่อมที่ได้มาตรฐานคุณภาพตั้งแต่ขั้นตอนแรก ----- ขั้นตอนสุดท้าย"
การจัดซ่อมเป็นสิ่งสำคัญที่ลูกค้าควรคำนึง ถึง คุณภาพ ความเงางาม ทนทานทุกสภาพผิว ไม่ใช่ว่าสีจะสวยอย่างเดียว การจัดซ่อมที่มีมาตรฐานจะต้องคำนึง ดังนี้
2.1 ศูนย์ซ่อม / ที่เลือกใช้สี ที่มีคุณภาพ สูง
2.2 เครื่องไม้เครื่องมือ ที่มาตรฐาน ในการจัดซ่อม เช่น แท่นดึง(หนัก) , ห้องอบสี , ห้องพ่นสี ,รวมไปถึง อุปกรณ์ เครื่องกระตุก ,เครื่องซ่อมกันชน (เชื่อมพลาสติก) , เครื่องขัดแห้ง เป็นต้น
2.3 สีที่ใช้ ทั้งระบบ ว่ามีความเป็นมาตรฐานหรือไม่ สี มีแบรนด์ หรือไม่ เช่น สีส่วนใหญ่จะเป็น สี 2k แต่ที่สำคัญคือ คุณภาพแบรนด์ยี่ห้อด้วยว่า มีมาตรฐานหรือไม่ ไม่ใช่คำนึงว่า สี 2k อย่างเดียว การที่ซ่อมแล้วมีคุณภาพ สูง จะต้องคำนึงเรื่อง การใช้วัสดุในการจัดซ่อม ว่า เต็มระบบหรือไม่ ยี่ห้ออะไร
คำว่า สี 2k มาจากสี 2 องค์ประกอบ คือ
1 สี คือ สีพ่นสี รถที่ผ่านการผสมตามเบอร์สีรถยนต์แล้ว
2 อาร์ด คือ ทำปฎิกิริยา ให้แข็งตัว
การใช้สี 2k เป็นการเรียกกันในวงการซ่อมหรือลูกค้าว่าใช้สี อะไร สี 2k หรือเปล่า ก็เลยติดปากกันมา ลูกค้าก็คิดว่า สี 2k สีดี แต่ที่จริงแล้ว อยู่ที่แบรนด์ ในส่วนที่เรียกว่า 2k ก็แค่ส่วนผสมในการพ่นสี ว่าเป็นระบบใด ครับ ส่วนสีที่มีคุณภาพต้องแบรนด์เท่านั้น ครับ เช่น DUPONT L.E. นกแก้ว ซิกเก้น PPG แสตนด็อกซ์ อาร์เอ็ม ไอซีไอ เป็นต้น ครับ ยังงี้พอทราบแล้วนะครับ การใช้สี ที่มีมาตรฐานไม่ใช้คำนึง คำว่า 2k แต่ต้องคำนึงเรื่อง คุณภาพ แบรนด์ครับ และราคาในการจัดซ่อมแต่ละอู่หรือศูนย์ซ่อมประกันชั้นนำ จะราคาไม่เท่ากันครับ แต่ถ้ามีคุณภาพเต็มระบบก็จะมีราคาที่สูงกว่าการจัดซ่อมสี 2k ธรรมดาครับ
สี 2k แบบมีแบรนด์ เต็มระบบ (ราคาค่าซ่อมสูง) มาตรฐานสูง ทนทาน คงทน เงางาม คุณภาพสูง อายุการใช้งานนาน เกิน 5 ปี อย่างต่ำ
ราคาประมาณชิ้นละ 2500- 3500 บาท
สี 2k แบบไม่มีแบรนด์ และไม่เต็มระบบ (ราคาซ่อมปานกลาง) ไม่ทน เงาไม่นาน คุณภาพปานกลาง ไม่เกิน 1- 2 ปี อย่างมาก
ราคาประมาณชิ้นละ 1800-2000 บาท
สี กึ่งแห้งช้า เต็มระบบ (ราคากลาง) ไม่มีมาตรฐาน ไม่ทน ไม่มีคุณภาพ ไม่เกิน 6 เดือน
ราคาประมาณชิ้นละ 1200- 1600 บาท
สี แห้งเร็ว (ราคาต่ำ) ไม่มีคุณภาพ ไม่เงา ไม่มาตรฐาน ไม่เกิน 3 เดือน
ราคาประมาณชิ้นละ 700- 900 บาท
ยังงี้คงทราบกันแล้วนะครับว่า การจัดซ่อมรถและจะให้มาตรฐานน่าจะมีปัจจัย เรื่องของราคาด้วยครับ แต่ในส่วนงานซ่อมประกันภัยนั้น ราคาค่าซ่อมอยู่ประมาณ ตั้งแต่ 1200 - 3500 แล้วแต่ทำประกันภัยครับ เพราะประกันภัยแต่ละที่จัดความมาตรฐานไม่เท่ากัน และจ่ายค่าซ่อมไม่เท่ากันนะครับ ถ้าต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ครับ ยินดีให้คำปรึกษา ภัครพงศ์ 081-805-5567